เมนู

ป. มันเป็นตัณหาในธรรม มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. หากว่า มันเป็นตัณหาในธรรม ด้วยเหตุนั้นนะท่าน
ึจึงต้องกล่าวว่า ธัมมตัณหาเป็นอัพยากฤต.
ธัมมตัณหา อัพยากตาติกถา จบ

อรรถกถาธัมมตัณหา อัพยากตาติกถา



ว่าด้วย ธัมมตัณหาเป็นอัพยากฤต



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องธัมมตัณหาเป็นอัพยากฤต. ในปัญหาเหล่านั้น
บรรดาตัณหาทั้ง 6 เหล่านี้ คือ รูปตัณหา ฯลฯ ธัมมตัณหา ตัณหาอัน
เป็นข้อสุดท้ายแห่งตัณหาทั้งหมดนี้ ท่านเรียกว่า ธัมมตัณหา เหตุใด
เพราะเหตุนั้น ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายปุพพเสลิยะทั้งหลาย
ว่า ธัมมตัณหาพึงเป็นอัพยากฤต ดังนี้ คำถามของสกวาทีหมายถึงชน
เหล่านั้น คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. เนื้อความปัญหาที่เหลือทั้งหลาย
พึงทราบตามพระบาลี. ตัณหาแม้ทั้ง 6 ท่านแสดงย่อไว้เป็น 3 ประเภท
มีกามตัณหาเป็นต้น. ตัณหาที่เป็นไปในอารมณ์ทั้ง 6 แม้มีรูปเป็นต้น
ด้วยสามารถแห่งความยินดีในกามชื่อว่า กามตัณหา. ตัณหาที่เกิดพร้อม
กับสัสสตทิฏฐิในความเห็นว่า "อัตตา และโลกจักมี" ดังนี้ชื่อว่า ภวตัณหา.
ตัณหาที่เกิดพร้อมกับอุจเฉททิฏฐิในความเห็นว่า อัตตา และโลกจักไม่มี
ดังนี้ชื่อว่า วิภวตัณหา. บทว่า มันเป็นตัณหาในธรรมมิใช่หรือ นี้ย่อม
แสดงถึงความเป็นไปของตัณหาโดยปรารภธัมมารมณ์ มิใช่แสดงถึงความ
ที่ธัมมตัณหานั้นเป็นอัพยากฤต เพราะฉะนั้น คำนี้จึงมิใช่ข้ออ้างว่า
ตัณหาเป็นอัพยากฤต ดังนี้แล.
อรรถกถาธัมมตัณหาอัพยากตาติกถา จบ